SCHENGEN VISA (BELGIUM) ขอวีซ่าเบลเยียม 2020

ก่อนหน้านี้เคยแพลนว่าจะเขียนเรื่องขอวีซ่าเยี่ยมเยือนของเบลเยี่ยม เพราะเวลาหาข้อมูลแล้วของเบลเยี่ยมมีน้อยมาก แล้วก็เป็นข้อมูลหลายปีแล้วด้วย เลยอยากมาแชร์และอัพเดทการขอวีซ่าที่ตัวเองทำ

สำหรับคนที่ขอวีซ่าเองเป็นครั้งแรกก็อาจจะกังวลมากๆ ว่าจะผ่านมั้ย.. (ฉันเองจ้า) แต่จริงๆ ไม่มีอะไรยากเลย ถ้าเอกสารครบก็ผ่านฉลุย

ย้ำอีกที นี่เป็นการขอวีซ่าเชงเก้น ประเภทเยี่ยมเยือน (Family/friend visit) ของประเทศเบลเยี่ยมนะคะ หมายความว่า เราจะต้องให้ทางคนเชิญ (ซึ่งเคสของเราคือแฟนนะเอง) เตรียมเอกสารจากเบลเยี่ยมส่งมาให้เราด้วย โฟมจะแบ่งเป็นพาร์ทๆ จะได้เข้าใจง่ายขึ้น เพราะจำได้ว่าตัวเองสติแตกและงงมากว่าต้องทำอะไรก่อน


วางแผนก่อน ไปเมื่อไหร่ ยังไงดี

เนื่องจากเราจะไปหาแฟนด้วยวีซ่าเยี่ยมเยือน ดังนั้นคุยกับแฟนก่อนว่าเราจะไปเบลเยี่ยมวันไหน เมื่อไหร่ แล้วนอกจากเบลเยี่ยมจะไปไหนอีกบ้าง ฯลฯ เพราะเราจะได้เผื่อเวลาในการขอวีซ่า (ซึ่งเกณฑ์การขอวีซ่าเชงเก้นแบบใหม่ สามารถขอล่วงหน้าก่อนวันเดินทางได้ 6 เดือน) วางตารางกิจกรรมคร่าวๆ แล้วก็เริ่มศึกษาเรื่องข้อกำหนดและเอกสารต่างๆ ไว้ และในระหว่างนี้ก็กดติดตามเพจท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อดูแนวโน้มตั๋วโปรเยอะๆ 55555


เตรียมเอกสารกันจ้า

ขั้นตอนนี้เครียดที่สุด โดยเฉพาะมือใหม่ขอวีซ่าครั้งแรกที่พอเข้าไปดู รายการเอกสารของสถานทูตเบลเยี่ยม แล้วแทบล้มตึงเพราะอะไรมันเยอะไปหมดไม่รู้ 

ทีนี้มา break down กันหน่อยว่าอันไหนที่เราเตรียม อันไหนไม่เตรียม เพราะอะไร (ส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารบางอย่างที่ไม่ต้องใช้ยื่นก็ได้ แต่เตรียมไป for my own sake เท่านั้น เพราะเราเป็นพวกบ้าจัดการ 55555) และเอกสารทั้งหมด โฟมทำสำเนาเผื่อไว้ 2 ชุด เผื่อมีอันที่เจ้าหน้าที่ขอเพิ่มค่ะ

เอกสารยื่นคำร้อง
1. แบบฟอร์มการขอวีซ่า (Application Form)
ฟอร์มนี้ต้องกรอกออนไลน์ที่ เว็บไซต์ของสถานทูตเบลเยี่ยม หลังจากกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ก็ submit > save file > ปริ๊นท์ออกมาเพื่อลงลายเซ็นและติดรูปถ่าย
  • ตอนเข้าไปกรอกข้อมูลครั้งแรก เราต้องลงทะเบียนเพื่อให้มี account ก่อน
  • ในขั้นตอนการกรอกฟอร์ม ถ้ามีข้อมูลที่ยังไม่รู้ หรืองง หรือยังไม่แน่ใจ เราสามารถกดเซฟไว้ก่อน แล้วค่อยมาเพิ่มเติมหรือแก้ไขทีหลังได้ พอเรียบร้อยแล้วค่อยกด submit
2. พาสปอร์ตตัวจริง พร้อมสำเนา
พาสปอร์ตต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 1 ปี นับจากวันที่ทำการขอวีซ่า

เอกสารจากผู้เชิญ
1. หนังสือค้ำประกันแสดงความรับผิดชอบ หรือเรียกง่ายๆ ว่า เอกสาร 3bis
ต้องให้ผู้เชิญไปติดต่อขอเอกสารที่ city hall ซึ่งกรณีของแฟนโฟม ทางนั้นเค้าจะส่งฟอร์มมาให้ทางอีเมล ให้แฟนก็กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน จากนั้นปริ๊นท์แล้วเอาไปให้ city hall เซ็นเอกสารและประทับตรา ไม่รู้ว่าแต่ละพื้นที่จะเหมือนแบบนี้รึเปล่า ก็สอบถามกับเจ้าหน้าที่เอาเนอะ
  • หลังจากได้เอกสารแล้ว แฟนต้องส่งเอกสารตัวจริงนี้มาให้เราที่ไทย ทางเราส่ง DHL ใช้เวลาประมาณ 5 วันได้เอกสารเลย แต่ค่าส่งก็จุกๆ อยู่นะ สำหรับกระดาษแค่ 3-4 ใบ แง
2. จดหมายเชิญ
อันนี้แฟนเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แนะนำตัวแฟน แนะนำตัวเรา อธิบายว่ามีความสัมพันธ์อย่างไร จุดประสงค์ที่อยากเชิญมาคืออะไร และควรระบุว่า แฟนจะเป็น sponsor เรื่องที่พักและค่าใช้จ่ายของเรา (หรือแค่ให้ที่พักแล้วค่าใช้จ่ายเราออกเองก็ได้) โดยจำนวนวันที่เชิญ และรายละเอียดต่างๆ ต้องตรงกับในเอกสาร 3bis ด้วยนะ
  • เอกสารนี้ใช้ทั้งตัวจริง และสำเนา
  • กรณีของโฟม ถึงจะขอวีซ่าแบบเยี่ยมเยือนและระบุว่าแฟนเป็น sponsor ตลอดทริป เพราะง่ายดี จบที่คนๆ เดียว ไม่ต้องอธิบายหรือยื่นเอกสารอะไรมาก แต่พอไปถึงนู่นจริงๆ ก็ใช้จ่ายด้วยเงินตัวเองนะ เพราะรู้สึกเที่ยวไม่สนุกเวลามีคนเลี้ยง (กินเยอะ กลัวแฟนจ่ายไม่ไหว 55555555)
3. สำเนาบัตรประชาชนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

4. บันทึกทะเบียนครอบครัว หรือ Family Composition
ให้แฟนไปขอเอกสารตัวนี้ตอนติดต่อเรื่อง 3bis ที่ city hall ได้เลยเช่นกัน แต่ก็ยังเป็นปริศนาอยู่ว่าต้องใช้ตัวจริงหรือแค่สำเนาก็ได้ แค่พอดีแฟนก็ส่งตัวจริงมาให้พร้อมกับ 3bis ด้วย ก็เลยยื่นตัวจริงไปด้วยเลย

5. หลักฐานทางการเงิน
ให้แฟนส่งอีเมลพวกไฟล์ payment slip, bank statement, investment portfolio ย้อนหลัง 3 เดือนมาให้และปริ๊นท์แนบไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าแฟนมีสภาพทางการเงินที่สามารถ sponsor เราได้ค่ะ

6. สำเนาพาสปอร์ตของแฟน และหน้าที่มีการ stamp เข้าออกประเทศไทย
เอกสารนี้เหมือนจะไม่มีใน list ของสถานทูต แต่โฟมให้แฟน scan เป็นไฟล์ส่งมาให้แล้วปริ๊นแนบไปด้วย เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้จดหมายเชิญ ว่าแฟนเคยมาหาที่ไทย ได้เจอกัน และใช้เวลาด้วยกันจริงๆ

เอกสารของผูู้ถูกเชิญ
1. หนังสือรับรองการทำงาน
หลังจากหัวหน้าอนุมัติลางาน ก็ขอหนังสือนี้จาก HR โดยส่งข้อมูลให้เขียนหัวจดหมายถึงสถานทูตเบลเยี่ยม ซึ่งในจดหมายจะระบุว่า เราทำงานตำแหน่งอะไร เริ่มทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ เงินเดือนสุทธิรายปีอยู่ที่เท่าไหร่ ได้รับอนุมัติลางาน และจะกลับมาทำงานวันที่เท่าไหร่
  • ควรระบุรายละเอียดข้างบนไว้ เพราะจะช่วยให้สถานทูตรับทราบสถานะทางการเงินของเรา และเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราจะกลับมาประเทศไทย ไม่โดดวีซ่าแน่นอน เพราะมีงานที่ต้องกลับมาทำ
  • แต่ถ้า HR ชี้แจงแค่บางส่วน ก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ซึ่ง HR ก็น่าจะมี format จดหมายประเภทนี้ที่ไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่
2. จดหมายแนะนำตัว และหลักฐานแสดงความสัมพันธ์
อันนี้คิดว่า optional เพราะถ้าเป็นวีซ่าเยี่ยมเยือน ส่วนใหญ่สถานทูตจะเน้นไปดูที่เอกสารของผู้เชิญมากกว่า แต่โฟมก็เขียนเป็นภาษาอังกฤษไปด้วย โดยล้อกับจดหมายเชิญของแฟน เช่น แนะนำตัวเอง ชี้แจงว่ารู้จักกับแฟนได้ยังไง ติดต่อการทางไหน ความสัมพันธ์เป็นยังไง ทำไมถึงอยากไปเบลเยี่ยม และจะกลับมาไทยแน่นอน ฯลฯ
  • จดหมายนี้ ลองเซิร์ชหา template ในกูเกิ้ลพวก introduction letter for visa application แล้วก็มาปรับให้เข้ากับเรื่องราวของตัวเองได้เลย
  • หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ ก็แคปข้อความจาก line, whatsapp, skype แล้วก็แปะรูปถ่ายกับแฟน เช่น ตอนพาแฟนไปเจอครอบครัว หรือไปเจอเพื่อนตอนอยู่ที่ไทย ฯลฯ แต่ไม่ได้เยอะมาก รวมๆ แล้วปริ๊นใส่เอสี่ประมาณ 5-6 แผ่น
3. ประกันการเดินทาง
อันนี้เราสามารถเลือกใช้ประกันจาก list ของสถานทูต ได้เลย โดยต้องมีความคุ้มครอง 30,000 ยูโรหรือเทียบเท่า ราคาสำหรับทริป 1-2 อาทิตย์ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 600-700 บาทเป็นต้นไป แล้วแต่เจ้าและแพคเกจที่เราเลือกเลย
  • โดยส่วนตัวโฟมซื้อของ MSIG เพราะราคาไม่แรงมาก การคุ้มครองก็โอเค ยิ่งตอนขอวีซ่ารอบที่ 2 แล้วต้องเททริปเพราะ COVID-19 ก็แจ้งขอ refund ได้ง่ายดี
  • หลังจากจ่ายเงินไปแล้ว ทางบริษัทจะส่งอีเมลรายละเอียดกรรมธรรม์มาให้ เราก็ปริ๊นท์ตัวนี้ไปใช้ยื่นเอกสารโลด
4. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน
อันนี้ไม่มีใน list ของสถานทูตเหมือนกัน แต่ก็แนบไปด้วย และเหมือนว่าตอนไปยื่นเอกสารที่ VFS เจ้าหน้าที่เค้าก็ขอแนบไปด้วย ไม่ได้ดึงออก

5. หลักฐานแสดงสถานะทางการเงิน
อันนี้ก็ optional ค่ะ แต่ก็แนบไปด้วยเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับหนังสือรับรองการทำงาน โฟมแนบ bank statement ย้อนหลัง 6 เดือนล่าสุดไป
  • ตอนติดต่อธนาคาร อย่าลืมแจ้งว่าขอเอกสารเป็นภาษาอังกฤษนะ ซึงธนาคารก็จะระบุพวกชื่อและรายละเอียดของเราเป็นภาษาอังกฤษแต่รายการเดินบัญชีจะเป็นภาษาไทย ซึ่งก็ใช้ได้ไม่มีปัญหา
6. แผนการเดินทาง
  • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ; โฟมจองกับเว็บของสายการบินเลย แต่เลือกแบบจ่ายเงินทีหลัง เพื่อให้ได้ confirmation email ที่มีชื่อเรา วันที่เดินทาง/ไฟลท์บิน แต่ยังไม่ต้องจ่ายเงิน (ซึ่งตั๋วจะ expire ไปเองถ้าเราไม่จ่ายเงินตามกำหนด) รู้สึกว่าสายการบินที่เลือกจ่ายเงินทีหลังได้จะมีการบินไทยและ KLM นะ ของที่อื่นไม่แน่ใจ พอได้วีซ่าแล้วค่อยไปหาตั๋วใหม่เอา
  • แผนการเดินทาง; โฟมทำตารางคร่าวๆ ว่า ไปถึงและออกจากเบลเยี่ยมวันไหน แต่ละวันจะไปเมืองไหนบ้าง และวันไหนจะพักที่ไหนบ้าง ถ้ามีวันที่ไม่ได้พักในที่อยู่ตามเอกสาร 3bis ก็ควรจองที่พัก (แนะนำแบบ free cancellation หรือจ่ายเงินทีหลังเช่นกัน) แล้วปริ๊นท์ใบจองแนบไปด้วย จะได้สอดคล้องกับแผนการเดินทาง
เอกสารของ VFS
จากที่เคยหาข้อมูลการขอวีซ่า ก่อนหน้านี้เราสามารถไปขอได้โดยตรงจากสถานทูต แต่ตอนโฟมทำเรื่องเมื่อ 2019 ต้องขอวีซ่าผ่าน VFS แล้ว ซึ่งขั้นตอนประมาณนี้ค่ะ
  • ลงทะเบียนเพื่อให้มี account ของ VFS
  • กดหน้านัดหมายทำวีซ่า แล้วเลือกช่วงเวลาที่สะดวก (พอได้เอกสารของทางแฟน ก็กดหาวันที่เร็วที่สุดเลย พร้อมมากเว่อออ)
  • หลังจากเลือกวันได้แล้ว จะมีใบนัดให้เราโหลดและปริ๊นท์ออกมา เพื่อแนบไปกับเอกสารทั้งหมด โฟมเอาไว้เป็นฉบับแรกเลยเพราะเจ้าหน้าที่จะขอดู

ไปยื่นวีซ่ากัน
เมื่อถึงวันยื่นเอกสารที่ VFS เราควรไปก่อนเวลาซัก 15-30 นาที โดยศูนย์ VFS จะอยู่ที่อาคาร Trendy ตรง BTS นานา ขึ้นไปชั้น 8 ได้เลย
  • ตอนไปขอครั้งแรก จำได้ว่าคนเยอะมากกกกกก เจ้าหน้าที่ต้องจัดคิวตั้งแต่ก่อนเข้าออฟฟิศเลย แต่โฟมไปก่อนเวลา 30 นาที เค้าก็จะเรียกคนที่ได้คิวเวลานี้ๆ เข้าไปก่อน
  • ก่อนเข้าออฟฟิศ เจ้าหน้าที่จะขอให้ปิดมือถือ และตรวจกระเป๋า
  • ไปติดต่อเคาน์เตอร์ด้านหน้า รอบแรก (2019) เจ้าหน้าที่จะดูแค่ใบนัดของ VFS แล้วกดบัตรคิวให้เราเข้าไปนั่งรอในห้องอีกที แต่ตอนไปขอรอบที่ 2 (2020) มีเจ้าหน้าที่ยืนเช็คและเรียงเอกสารก่อน ถ้าเอกสารครบและเรียบร้อยหมด ถึงจะกดบัตรคิวให้เข้าไปนั่งรอข้างใน
  • เมื่อถึงคิวเรา ก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ เค้าก็จะถามเรานิดหน่อยว่าขอวีซ่าแบบไหน ไปทำอะไร ไปเมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ ฯลฯ ประมาณนี้ แล้วก็จ่ายเงิน
  • จากนั้นก็ออกมารอตรงที่นั่งอีกที แล้วจะมีเจ้าหน้าที่เรียกให้เราไป scan นิ้ว ถ่ายรูป รับใบเสร็จและเอกสารยืนยันในกรณีี่เลือกมารับพาสปอร์ตคืนเอง
  • รูปที่ได้มาในวีซ่าไม่ใช่รูปถ่ายที่เราแนบไป แต่เป็นรูปวันที่เราไปยื่นเอกสารที่ VFS เพราะงั้นเตรียมหน้าเตรียมผมให้พร้อมเด้อ (ของทางเรานั้น ขนาดเตรียมแล้วก็ยังดูตลกอยู่ดี 555555555)
  • สำหรับคนที่พาสปอร์ตขาวสะอาด หรือไม่เคยขอวีซ่าไปที่ไหนเลย เช่น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย หรือประเทศอื่นๆ ในเชงเก้น ทาง VFS จะทำนัดให้เราเข้าไปสัมภาษณ์กับสถานทูตเบลเยี่ยม (ที่ BTS ช่องนนทรี) ก่อน
  • การสัมภาษณ์กับสถานทูต ใช้เวลาสัมภาษณ์แค่ประมาณ 5 นาทีเอง แต่ก็ควรไปก่อนเวลาเหมือนเดิม ไปถึงก็แจ้งเจ้าหน้าที่ข้างหน้า รับบัตรคิว แล้วก็รอเรียก ตอนที่โฟมสัมภาษณ์เจอเจ้าหน้าที่คนไทย เค้าก็จะถามว่าแฟนชื่ออะไร อยู่ที่ไหน ทำงานอะไร รู้จักกันนานหรือยัง ฯลฯ เราก็ตอบตามความจริง เหมือนในเอกสารที่ยื่นไปแหละ หลังจากนั้นก็รอผลการพิจารณาได้เลย

ระยะเวลาในการขอวีซ่า
ตอนขอวีซ่าครั้งแรก (ก.พ. 2019) หลังจากยื่นเอกสารที่ VFS โฟมก็รอประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อไปสัมภาษณ์ที่สถานทูต เพราะคิวที่เร็วกว่านี้ไม่ว่างแล้ว และหลังจากสัมภาษณ์ก็รออีกประมาณ 4 วันทำการ ทางสถานทูตก็คืนเล่มกลับมาที่ VFS แล้วค่ะ รวมๆ แล้ว การขอวีซ่าครั้งแรกใช้เวลาไม่เกิน 2 อาทิตย์

ส่วนตอนขอวีซ่ารอบที่ 2 (ม.ค. 2020) ไปยื่นเอกสารที่ VFS แต่ไม่ต้องไปสัมภาษณ์แล้ว ทางสถานทูตใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน ก็ส่งเล่มคืนมาให้แล้วค่ะ

ซึ่งในช่วงที่เรายื่นเอกสารไป ทาง VFS ก็จะส่งอีเมลแจ้งตามขั้นตอน คือ
  • เอกสารของเราถูกส่งไปที่สถานทูตแล้ว
  • เอกสารของเราถูกส่งกลับมาที่ VFS แล้ว -- หมายถึงผลพิจารณาวีซ่าออกแล้ว คนที่เลือกไปรับเล่มพาสปอร์ตเอง ก็นำใบเสร็จ/ใบรับรอง ไปขอรับเล่มคืนที่ VFS ตามเวลาทำการได้เลย
  • เอกสารของเราถูกส่งไปรษณีย์แล้ว -- ตอนขอรอบ 2 โฟมเลือกแบบให้ส่งไปรษณีย์มาที่บ้าน ซึ่ง VFS จะส่ง EMS มาให้ โฟมได้เล่มหลังจากที่ได้อีเมล 2 วันค่ะ
สรุปแบบรวมๆ คือ ระยะเวลาตอนโฟมไปขอวีซ่าไม่เกิน 2 สัปดาห์ค่ะ แต่คิดว่าก็ case by case ของบางคนอาจจะใช้เวลานานกว่าเพราะเป็นช่วงพีคที่มีคนขอเยอะ หรืออาจจะเพราะเอกสารไม่ครบแล้วต้องยืดเวลาออกไป ฯลฯ


หวังว่าโพสต์นี้คงให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคนที่เริ่มเตรียมตัวขอวีซ่านะคะ ขอให้โชคดีย์ย์ย์ย์


Comments

Popular Posts